ททท. จัดประชุมความพร้อมในการเตรียมเป็นเจ้าภาพ “Destination Wedding Planner Congress 2017” ผลักดันประเทศไทยเป็น Wedding Destination ระดับโลก

บ่ายวันนี้ (19 มิถุนายน 2559) ณ ห้องรอยัลมณียา โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ  นางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมการประชุมการเตรียมความพร้อมการจัดงาน “Destination Wedding Planner Congress 2017” โดยมีผู้บริหาร บริษัท QNA International ร่วมงานประชุม ภายหลังได้ร่วมลงนามข้อตกลงให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่  15 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการแต่งงานในประเทศไทย ได้รับการจัดให้ติดอันดับ Wedding Destination อย่างต่อเนื่อง อาทิ อันดับ 1 ใน Top Destination สำหรับเอเชีย  อันดับ 3 ใน Top Destination สำหรับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์  อันดับ 6 ใน Top Destinationสำหรับยุโรป  อันดับ 3 ใน Emerging Destination สำหรับตะวันออกกลาง และอันดับ 1 ใน Emerging Destination สำหรับแอฟริกา   ททท. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของกลุ่มตลาดคู่แต่งงานซึ่งสามารถสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยได้ในระดับสูง จึงเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน “Destination Wedding Planners Congress (DWP Congress) 2017” ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับตลาดเฉพาะด้าน Wedding ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในแต่ละปีจะมีทั้งผู้ซื้อ (Buyer) และผู้ขาย (Seller) ที่อยู่ใน Wedding Industry จากประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่น้อยกว่า 450 รายเข้าร่วมงาน  ซึ่งการเป็นเจ้าภาพในการจัดงานเป็นโอกาสแสดงศักยภาพและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่จะเดินทางมาจัดงานแต่งงาน

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของงาน Destination Wedding Planners Congress      ที่เป็นการจัดงานในภูมิภาคเอเชีย และเลือกสนามกอล์ฟ ลากูน่า ภูเก็ต เป็น สถานที่จัดงาน ซึ่งจะมีประชุมสัมมนา เจรจาธุรกิจ สำหรับ Wedding Planner ชั้นนำจากทั่วโลก และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องธุรกิจแต่งงานทั้งหลาย มีการจัดงานเลี้ยงรับรองแขกที่เข้าร่วมงานเพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพในการให้บริการจัดงานแต่งงานที่ตอบสนองความต้องการของคู่แต่งงานหลากหลายจากต่างประเทศ”

ทั้งนี้  นางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว การเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพและมีการใช้จ่ายสูงจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งกลุ่มคู่แต่งงานจากต่างประเทศเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อจัดงานแต่งงานในประเทศไทย ทั้งนี้ นอกจากค่าใช้จ่ายในด้านโรงแรมที่พัก สถานที่จัดงานแล้ว ยังประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานอีกด้วย เนื่องจากประเทศไทยกำลังเป็นที่ได้รับความนิยมสำหรับเป็นสถานที่ในการจัดงานแต่งงาน โดยคู่รักจากต่างประเทศที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่น่าประทับใจในโอกาสพิเศษจำนวนมาก ได้เลือกมาจัดงานแต่งงานในประเทศไทย เพราะความมั่นใจในคุณภาพและบริการของ โรงแรมที่พัก สถานที่จัดงาน Wedding Planner Wedding Studio ออแกไนเซอร์ Floral Designer Catering รวมทั้งบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น   ชุดแต่งงาน ของชำร่วย ช่างภาพและวีดิทัศน์ ช่างแต่งหน้าทำผม ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น  อย่างไรก็ตาม รสนิยมและความชอบของคู่แต่งงานจากต่างประเทศย่อมมีความแตกต่างและหลากหลาย ดังนั้น หากทางผู้ประกอบการมีการพัฒนาการให้บริการที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ ย่อมนำมาซึ่งความประทับใจ และมีการบอกต่อไปยังกลุ่มเพื่อนและครอบครัว หรือเผยแพร่ไปยังสื่อโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ทำให้เกิดการรับรู้และสนใจในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้จะไม่เพียงนำมาซึ่งรายได้ แต่ยังนำมาซึ่งความประทับใจในการให้บริการจากผู้ประกอบการไทยทุกท่าน ที่จะมีการดำเนินงานอย่างมีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทยอีกด้วย”

          ททท. หวังว่าการเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้จะเพิ่มการรับรู้และยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะ Wedding Destination ระดับโลก  และนำมาซึ่งนักท่องเที่ยวคู่แต่งงานที่จัดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพและมีการใช้จ่ายสูง รวมทั้งจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวด้านแต่งงานและฮันนีมูนเข้าสู่ประเทศไทยให้มากขึ้นในอนาคต ทั้งจากธุรกิจการแต่งงาน และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน