8 จุดเช็คอินจันทบุรี
จันทบุรีจังหวัดทางภาคตะวันออกของประเทศไทย ที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายไม่ว่าจะเป็นทะเล ภูเขา น้ำตก แบบครบเครื่อง สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูฝนที่ขึ้นชื่อเรื่องผลไม้เมืองจันท์ ฤดูหนาวและฤดูร้อนเป็นช่วงท้องฟ้าแจ่มใส อากาศดี เหมาะแก่การเที่ยวทะเลและเกาะต่างๆ หนาวนี้ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปรับลมทะเลแบบชิลๆ เตรียมปักหมุด แพคกระเป๋าแล้วตามมาได้เลย
1.ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน
เริ่มต้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านจัดการทรัพยากรชายฝั่งและป่าชายเลนสำหรับผู้ที่สนใจ โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ คือเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น 1.6 กิโล รวมถึง กิจกรรมอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลน อาทิ ปลูกป่าชายเลน สร้างบ้านปลา ทำบ้านหอย ติดตั้งปะการังเทียมอีกด้วย
เปิดทุกวัน 08.00 - 18.00 น.
พิกัด : https://goo.gl/maps/XNjkvFdKGFQjLLWJ7
2.จุดชมวิวเนินนางพญา
เนินนางพญา จุดชมวิวถนนเลียบชายหาดที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของภาคตะวันออก ตั้งอยู่บนถนนเฉลิมบูรพาชลทิตบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน สามารถแวะเวียนมาชมทัศนียภาพได้ตลอดทั้งวัน แต่ช่วงเวลาที่สวยที่สุดในการชมวิวคือช่วงพระอาทิตย์ตกซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมากที่สุด นอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้วยังเป็นสถานที่ที่คู่รักมาอธิษฐานขอพร คล้องกุญแจขอให้ความรักยืนยงเป็นนิรันดรด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/ceGVvu49mko2o2bH9
3.เจดีย์กลางน้ำบ้านหัวแหลม
เจดีย์กลางน้ำตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิวเนินนางพญาเป็นสะพานไม้ทอดยาวลงสู่ทะเลเริ่มต้นจากชุมชนบ้านหัวแหลมจดถึงสุดปลายสะพานเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีขาวเก่าแก่ตั้งอยู่บนโขดหินกลางน้ำทะเลอายุกว่า 200 ปี ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประมง นอกจากจะได้เดินชมวิว รับลมทะเล ที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรีอีกด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/XuM731kN6HsXp2DF8
4.อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล (ยังไม่เปิดให้เข้าชมเนื่องจากสถานการณ์โควิด)
โบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก อายุกว่า 300 ปี ตั้งอยู่บริเวณชุมชนริมน้ำจันทบูร นับเป็นหนึ่งในวิหารที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือชาวพุทธจากทั่วประเทศต่างหลังไหลมาชมความงาม ตัววิหารมีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบโกธิคมีจุดเด่นชัดอยู่ที่ยอดแหลมบนหอระฆัง 2 หลัง ภายในวิหารมีการตกแต่งเพดานเป็นท้องเรือไม้โนอาห์ ช่องบานกระจกแบบโกธิคและกระจกสี รวมถึงองค์พระแม่ที่มีความล้ำค่าตกแต่งด้วยพลอยกว่า 200,000 เม็ดและฐานซึ่งหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองจันท์
พิกัด : https://goo.gl/maps/EFjUUeD7tyg2BwpcA
5.Oasis Sea World
สถานที่ที่จะได้สัมผัสความน่ารักของโลมาและโชว์สุดพิเศษให้สนุกเพลิดเพลินกันทั้งครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเป็นสถานที่เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ปลาโลมาในน่านน้ำจันทบุรีซึ่งมีด้วยกัน 2 พันธุ์ คือ พันธุ์หัวบาตรและพันธุ์ปากขวด อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ฝึกโลมาแบบไทยโดยใช้สัญญาณมือไม่ใช้นกหวีดเป็นแห่งแรก นอกจากจะได้ชมโชว์ความน่ารักและความฉลาดของโลมาแล้ว ยังมีกิจกรรมลงเล่นน้ำกับโลมาได้อีกด้วย
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 130 บาท เด็ก 80 บาท
เปิดบริการทุกวัน 09:00 - 18:00 น
พิกัด : https://goo.gl/maps/emSFvcEz7sMEHxix5
6.วัดตะปอนน้อย
วัดอินทรารามหรือวัดตะปอนน้อย โบราณสถานสำคัญของจังหวัดที่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด มีจุดเด่นอยู่ที่อุโบสถ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีอายุราว 300 ปี ตัวอุโบสถเป็นรูปทรงเก๋งจีนผสมทรงไทย มุงด้วยกระเบื้องดินเผา หน้าบรรณแกะสลักไม้รูปนารายณ์ทรงสุบรรณ ใต้หน้าบรรณเป็นแผ่นสลักไม้สี่เหลี่ยม เรื่องรามเกียรติ์ที่มีความวิจิตรงดงาม ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพเขียนสีฝุ่นผสมกาวถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของวิถีชีวิตคนไทยในอดีต รวมถึงชาวจีนและฝรั่งที่มีการติดต่อซื้อขายกับไทยมาตั้งอดีต
พิกัด : https://goo.gl/maps/66qkjj1M9Sz7ibHt5
7.หาดเจ้าหลาว
หาดเจ้าหลาวเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดจันทบุรี มีหาดทรายละเอียด สีนวลออกแดงยาวสุดสายตาไปจดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างคุ้งกระเบน น้ำทะเลใส บรรยากาศดีเงียบสงบ นอกจากนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่นน้ำ ชมวิว บ้างมาพักผ่อนที่รีสอร์ทริมทะเล ใช้เวลาพักผ่อนในวันหยุด ยังมีกิจกรรมทางน้ำอย่างบานาน่าโบ๊ต ดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น หรือนั่งเรือท้องกระจกชมโลกใต้ทะเลตอบโจทย์คนรักทะเลแน่นอน
พิกัด :https://goo.gl/maps/2b5Qj1fZJ6LSSVBA8
8.น้ำตกพลิ้ว
ปิดท้ายกันที่ น้ำตกพลิ้ว ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว โดยคำว่า พลิ้ว มาจากภาษาชองซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นเดิมแปลว่าทรายหรือหาดทราย แต่สันนิษฐานกันว่า น้ำตกพลิ้ว คงจะได้ชื่อมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งชอบขึ้นอยู่ในดินปนทราย น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ น้ำใสมองเห็นตัวปลาและมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ผู้คนส่วนใหญ่นิยมไปดูความน่าตื่นตาตื่นใจของปลาพลวงฝูงใหญ่และเล่นน้ำกันภายในน้ำตก นอกจากกิจกรรมเล่นน้ำแล้วยังมีจุดชมวิวและเส้นทางศึกษาธรรมชาติสำหรับผู้ที่สนใจอีกด้วย
อัตราค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
แสดงผล 3716 ครั้ง