บทความที่น่าสนใจ

รวม 10 ที่เที่ยวรับลมหนาว ปลายปี 2567

หนาวนี้เที่ยวไหน เที่ยวไทยดีกว่า ! รวม “10 ที่เที่ยวรับลมหนาว ปลายปี 2567” จัดเต็มครบทุก 5 ภาค จากเหนือจรดใต้ จะไปภาคไหนก็ได้รับลมหนาวพร้อมชมวิวธรรมชาติสวย ๆ ครบทั้งภูเขา ทะเล สายหมอก และป่าเขียวชอุ่มที่จะทำให้ทริปส่งท้ายปีของทุกคนเต็มไปด้วยความประทับใจแน่นอน 
 

1. ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮองสอน (ภาคเหนือ)

ดอยแม่อูคอ ตั้งอยู่ในอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่ตั้งของทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในปีนี้ดอกบัวตองจะเริ่มบานในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งพร้อมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแล้วตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567



จุดชมวิวที่สามารถเห็นดอกบัวตองเต็มทุ่งได้นั้น ต้องเดินทางไปยัง “ยอดดอยแม่อูคอ” ที่เดินทางไปนิดเดียวก็ถึง เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองได้แบบ 360 องศาเลย นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ มากมายตลอดทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว สำหรับใครที่เป็นสายแคมป์ปิ้งก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้บริการ เช่น ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และลานจอดรถ

หากมาเที่ยวในช่วงเช้าจะได้ชมดอกไม้สวย ๆ บนยอดดอยพร้อมอากาศเย็น ๆ หรือหากมาในช่วงพระอาทิตย์ตกดินก็จะได้เห็นแสงพาดผ่านภูเขาและทุ่งดอกไม้ แล้วยังบรรยากาศดีด้วย

เปิดทุกวัน เวลา 07.30-17.30 น.
ที่ตั้ง : ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ติดต่อ โทร. ททท.สำนักงานแม่ฮองสอน : 0 5361 2982-3
Facebook : ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน
Google map : https://maps.app.goo.gl/T4ep4obVhGLVTTP48

 

2. ดอยผาฮี้ จังหวัดเชียงราย (ภาคเหนือ)

หมู่บ้านในม่านหมอกและแหล่งผลิตกาแฟคุณภาพชั้นดีระดับโลกอย่าง “ดอยผาฮี้” จังหวัดเชียงราย ถือเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยจากการที่จังหวัดเชียงรายมีโครงการพัฒนาดอยตุงเป็นผู้ส่งเสริมและพัฒนาให้ชาวไทยเผ่าอาข่าที่อาศัยอยู่ได้มีอาชีพปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ทำให้การปลูกกาแฟกลายเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านจนมีชื่อเสียงโด่งดัง บอกเลยว่าชาวกาแฟ lovers ไม่ควรพลาด !
 



นักท่องเที่ยวส่วนมากนิยมไปนั่งจิบกาแฟและถ่ายรูปวิวสวย ๆ ที่ดอยผาฮี้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยความเขียวขจี นอกจากนี้ดอยผาฮี้ยังมีจุดเช็กอินอื่น ๆ ด้วย ทั้งจุดชมวิวผาฮี้ ชิงช้าเผ่าอาข่าประจำหมู่บ้าน ซุ้มประตูผี บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ บ้านหัวหน้าเผ่า บ้านสมุนไพร และบ้านร่างทรงที่นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ถึงเรื่องราวคติความเชื่อที่ผูกพันและเชื่อมโยงกับศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีเสน่ห์แห่งดอยผาฮี้ได้

ที่ตั้ง : หมู่ที่ 10 บ้านผาฮี้ ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ติดต่อ โทร. ททท.สำนักงานเชียงราย : 053-744674-5
Facebook : ททท.สำนักงานเชียงราย
Google map : https://goo.gl/maps/oc7zoQm3qLdycQo69

 

3. อัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา (ภาคใต้)

Unseen Thailand ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อยู่ห่างจากตัวอำเภอเบตงประมาณ 40 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร ตั้งอยู่บนเขาไมโครเวฟในหมู่บ้าน กม.32 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถือเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา ใครที่มีแพลนเที่ยวภาคใต้ต้องไปเช็คอินให้ได้ !
 



“สกายวอล์คอัยเยอร์เวง” เป็นจุดชมทะเลหมอกยอดฮิตที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ 360 องศา เป็นอาคารมีทั้งหมด 6 ชั้น มีลิฟต์ในการขึ้นด้านบน โดยแต่ละชั้นตั้งแต่ชั้น 3-6 สามารถชมวิวได้หมด แต่จุดไฮไลต์ของการชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 3 เพราะเป็นบริเวณที่ยื่นออกมาจากอาคาร ซึ่งปลายทางเดินจะเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นด้านล่างได้ชัดเจน และทำให้มองเห็นหมอกได้ใกล้ชิดที่สุด

เปิดทุกวัน เวลา 05.30-16.30 น.
ติดต่อ โทร. ททท.สำนักงานนราธิวาส (ยะลา,ปัตตนี) : 073-542-343
ที่ตั้ง : เขาไมโครเวฟ ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
Facebook : สกายวอล์คทะเลหมอกอัยเยอร์เวง เบตง
Google map : https://maps.app.goo.gl/JMfCj45YpbQH6hT8A

 

4. อุทยานแห่งชาติเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช (ภาคใต้)

อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ตั้งอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอ มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ ทั้งเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน และ “ยอดเขาหลวง” เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของภาคใต้เลยด้วย

พื้นที่บริเวณอุทยานฯ มีฝนตกตลอดปี สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น ด้วยศักยภาพทั้งทางชีวภาพและกายภาพ อุทยานแห่งชาติเขาหลวงจึงได้รับการขนานนามว่า “หลังคาสีเขียวแห่งภาคใต้”




เส้นทางสู่ยอดเขาหลวง ใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน ระหว่างทางนักท่องเที่ยวก็จะได้พบกับสภาพป่าครบทุกประเภท ได้พบกับพรรณไม้ที่แปลกตาหายาก โดยเส้นทางเดินป่าระยะไกล แบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกลยอดเขาหลวง เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกลยอดฝามี-เนินลมฝน และเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะไกลสันเครื่องบินตก

เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น.
ที่ตั้ง : ม.4 ตำบลเขาแก้ว อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
ติดต่อ โทร. 075-300-495 อุทยานแห่งชาติเขาหลวง - Khao Luang National Park
075 346 515 ททท.สำนักงานนครศรีธรรมราช
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ผู้สูงอายุและผู้พิการไม่เสียค่าบริการ
Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาหลวง - Khao Luang National Park
Google map : https://maps.app.goo.gl/v1eDJgMTjCWUPLSG7

 

5. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” ด้วยการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กับกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นอุทยานที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมาก เต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่และพืชป่านานาชนิด มีที่เที่ยวแนวธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกเหวนรก น้ำตกเหวสุวัต จุดชมวิวหอสัตว์ส่องสัตว์หนองผักชี และลานกางเต็นท์ที่ลำตะคอง ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเช็กอินเพียบ



พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ครอบคลุมถึง 4 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี และนครราชสีมา โดยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้นจะกินพื้นที่ของจังหวัดปราจีนบุรีมากที่สุด จากนั้นรองลงมาด้วยจังหวัดนครนายก นครราชสีมา และจังหวัดสระบุรี

- ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ผู้สูงอายุและผู้พิการไม่เสียค่าบริการ
- ค่าบริการประเภทยานพาหนะ : รถจักรยานยนต์ คันละ 20 บาท / รถยนต์ 4 ล้อ คันละ 30 บาท
/ รถยนต์ 6 ล้อ คันละ 100 บาท / รถยนต์ มากกว่า 6 ล้อ แต่ไม่เกิน 10 ล้อ คันละ 200 บาท

เปิดทุกวันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 06.00-18.00 น.
ติดต่อ โทร. 086-092-6529, 086-092-6527
เว็บไซต์ : https://khaoyainationalpark.com/
Facebook : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park
Google map : https://goo.gl/maps/HNEJVDAfhdPme68EA

 

6. เชียงคาน จังหวัดเลย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)

อำเภอที่ใครไปจังหวัดเลย ก็ต้องแวะให้ได้ “เชียงคาน” มีเสน่ห์ของความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม และที่โดดเด่นคือ วัฒนธรรมของชาวไทดำ ที่ปัจจุบันยังถูกรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีทั้งชาวไทย ชาวลาว และชาวจีนอาศัยอยู่ร่วมกัน มีที่เที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ถนนคนเดินเชียงคาน วัดศรีคุณเมือง วัดมหาธาตุ วัดพระพุทธบาทภูควาย ภูทอก และแก่งคุดคู้

ช่วงปลายปีมีลมหนาวพัดผ่านเย็น ๆ ถ้าอยากไปสัมผัสเสน่ห์ของ “เมืองเชียงคาน” เมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ ต้องห้ามพลาด !




ที่อยู่ : ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
ติดต่อ โทร. 042-812-812 ททท.สำนักงานเลย
Facebook : ททท.สำนักงานเลย : TAT Loei Office
Google map : https://maps.app.goo.gl/9QLA5kF3zMuH6Jrx9

 

7. สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี (ภาคกลาง)

เมืองเล็ก ๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี “สังขละบุรี” เมืองสามหมอก เป็นเมืองหน้าด่านติดกับประเทศเมียนมาร์ มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม ทั้งมอญ กระเหรี่ยง ไทย ลาว เมียนมาร์ จนได้ชื่อว่า “ดินแดนสามวัฒนธรรม” มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ด่านเจดีย์สามองค์ วัดใต้น้ำ วัดวังก์วิเวการาม สะพานมอญ หมู่บ้านมอญสังขละบุรี เจดีย์พุทธคยา ห้วยซองกาเรีย น้ำตกไดช่องถ่อง น้ำตกเกริงกระเวีย ในช่วงปลายปีจะมีอากาศจะเย็นสบาย ใครที่อยากไปเที่ยวแบบกรีน ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ รับลมหนาว ชมวิถีชีวิตแบบชาวมอญ​และชาวกระเหรี่ยงก็เพิ่มลงแพลนเที่ยวได้เลย



เปิดทุกวัน วันจันทร์ - วันอาทิตย์
ที่ตั้ง : ซอยสะพานไม้ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี กาญจนบุรี
ติดต่อ โทร. 034-511-200 ททท.สำนักงานกาญจนบุรี
Google map : https://maps.app.goo.gl/yPHBZLT79wRVVcEr5

 

8. ทุ่งดอกทานตะวันบ้านหินซ้อน จังหวัดสระบุรี (ภาคกลาง)

เที่ยวสระบุรี ถ่ายรูปทำคอนเทนต์ ยืนรับลมชมทุ่งดอกทานตะวันบ้านหินซ้อน

ดอกทานตะวันจะเริ่มบานเต็มที่ช่วงเดือนธันวาคม และสำหรับใครที่อยากถ่ายรูปแบบปัง ๆ แนะนำให้ไปช่วงเช้า 07.00-09.00 น. เพราะจะได้แสงกำลังสวยและดอกทานตะวันก็กำลังชูช่อพอดี นอกจากนี้ในไร่ยังมีมุมที่ประดับตกแต่งให้เดินถ่ายรูปเพียบเลย



เปิดทุกวัน เวลา 06.00-16.30 น.
ที่ตั้ง : บ้านหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี
ติดต่อ โทร. 094 565 5054
ค่าบริการ : คนไทย 20 บาท/คน เด็กเข้าชมฟรี
นำสัตว์เลี้ยงเข้าได้ (ใส่สายจูง)
ค่าบริการประเภทยานพาหนะ : ไม่มีค่าบริการ
Google map : https://maps.app.goo.gl/Yekym8nTHpFacXYM7

 

9. เกาะล้าน จังหวัดชลบุรี (ภาคตะวันออก)

เที่ยว “เกาะล้าน” เกาะเล็ก ๆ ในอ่าวไทย หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัดชลบุรี เกาะที่หลายคนไปกันได้ง่าย ๆ สบาย ๆ เพราะห่างจากชายฝั่งพัทยาประมาณ 7.5 กิโลเมตรเท่านั้น

เดิมเกาะล้านเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการตั้งถิ่นฐานถาวร แต่ในช่วงทศวรรษ พ.ศ.2503 ชาวบ้านจากฝั่งพัทยาเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานและทำการเกษตรและประมงเป็นอาชีพหลัก เมื่อนั่งเรือข้ามฟากไปถึง ทุกคนก็เอนจอยกันได้เลย นอกจากมีสถานที่เที่ยวอย่าง หาดตาแหวน หาดเทียน จุดชมวิวกังหันลมแล้ว ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ อย่าง โดดร่มพาราเซล นั่งเรือบานาน่าโบ๊ท Seawalking (เดินใต้ทะเล) ให้ทำด้วย หรือใครสายชิลล์จะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับเที่ยวรอบเกาะก็ได้เช่นกัน




รอบเรือโดยสารข้ามเกาะ 
- แหลมบาลีฮาย - เกาะล้านท่าเรือหน้าบ้าน
07.00 น. / 10.00 น. / 12.00 น. / 14.00 น. / 15.30 น. / 17.00 น. / 18.30 น.
- เกาะล้านท่าเรือหน้าบ้าน - ท่าเรือแหลมบาลีฮาย
06.30 น. / 07.30 น. / 09.30 น. / 12.00 น. / 14.00 น. / 15.30 น. / 17.00 น. / 18.00 น.
- เรือเร็ว ( สปีดโบ๊ท ) ค่าโดยสารแบบเหมาลำ 2,000 - 2,500 บาท ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ) นั่งได้ 10-12 คน หากไปจำนวนน้อย 200 บาท / คน ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 - 20 นาที

ที่ตั้ง : เขตเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
ติดต่อ โทร. 038-427-667 ททท.สำนักงานพัทยา
เว็บไซต์ ททท.สำนักงานพัทยา : www.tourismthailand.org/pattaya
Facebook : ททท.สำนักงานพัทยา
Google map : https://maps.app.goo.gl/rEHNKB48NdqvnGt98

 

10. เกาะกูด จังหวัดตราด (ภาคตะวันออก)

เที่ยวเกาะที่อยู่สุดท้ายทางทิศตะวันออกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลตราด “เกาะกูด” มีความใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเกาะช้างในจังหวัดตราด และเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศด้วย

เกาะกูดถือเป็นสวรรค์ของคนรักทะเลก็ว่าได้ ใครที่อยากชมน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ เดินเล่นบนหาดทรายสีขาว ต้องห้ามพลาด !




การเดินทางไปเกาะกูด
- เรือที่ท่าเรือแหลมศอก เรือโดยสารเกาะกูดเอกซ์เพรส เที่ยวไป เวลา 12.00 น. เที่ยวกลับ 10.00 น. ค่าโดยสาร 350 บาท/คน/เที่ยว โทร. 087-749-0030 (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง)
- เรือซี พี สปีดโบต เที่ยวไป เวลา 09.00 น. เที่ยวกลับ เวลา 12.00 น.
ค่าโดยสาร 600 บาท/คน/เที่ยว โทร. 087-136-1102 หรือ 083-110-4448
- เรือโดยสารเกาะกูดปริ้นเซส เที่ยวไป เวลา 12.30 น. เที่ยวกลับ 10.30 น.
ค่าโดยสาร 350 บาท/คน/เที่ยว โทร. 086-126-7860 (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที)

ที่ตั้ง : ตำบลเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด
ติดต่อ โทร. 039-597-259 ททท.สำนักงานตราด
Facebook : ททท.สำนักงานตราด : TAT Trat Office
Google map : https://maps.app.goo.gl/nbt7aQzYXpUeHtKH9


วางแพลนเก็บให้ครบทุกภาค เตรียมตัวให้พร้อม แล้วชวนเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันน้า

แสดงผล 74 ครั้ง