ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวเศรษฐกิจ

บ่ายวันนี้ (3 มิถุนายน 2554)  ณ ศูนย์การค้าเกษร นายสุรพล  เศวตเศรนี  ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  พร้อมด้วย  นายสมบูรณ์  ครบธีรนนท์  ผู้จัดการวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย  ร่วมแถลงข่าวการจัดโครงการ “มหกรรมลดราคาสินค้าประจำปี” (Amazing Thailand Grand Sale 2011) กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้จับจ่ายเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Green Season) มากขึ้น  สร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นแหล่งซื้อสินค้าที่มีคุณภาพแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย  ช่วยกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนเงินตราภายในประเทศ และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค  ทั้งยังสนองนโยบายของรัฐในด้านท่องเที่ยวที่เน้นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่อคนต่อวันโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ   

โครงการ “Amazing Thailand Grand Sale” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้นับเป็นปีที่ 13 โดยความร่วมมือของ ททท. และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 15,000 รายเข้าร่วมโครงการ  อาทิ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า  ร้านค้า โรงพยาบาล  บริษัทนำเที่ยว  สายการบิน โรงแรมที่พัก  สนามกอล์ฟ สปา ร้านปลอดภาษี  ร้านค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ฯลฯ  ที่พร้อมใจกันลดราคาสินค้าและบริการ      10 - 80% ตลอดเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2554 ใน 7 พื้นที่ท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย ได้แก่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ หัวหิน และเกาะสมุย  นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มความหลากหลายของสินค้าซึ่งเป็น Local Brand อาทิ  กลุ่มสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า  เครื่องหนัง  ของตกแต่งบ้าน  สินค้าออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวไทย สินค้า OTOP ฯลฯ 

ในโอกาสนี้ ททท. ได้กำหนดจัดงาน  “Amazing Thailand Grand Sale Fair 2011” ขึ้นในวันที่ 28 - 31 กรกฎาคม 2554  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนำสินค้า Thailand’s Brand  สินค้าหัตถกรรม  สินค้าเพื่อสุขภาพ  ความงาม อัญมณี อาหารและผลไม้ไทย บริการทางการท่องเที่ยว  อาทิ  โรงแรม   ที่พัก  บริษัทนำเที่ยว  อุปกรณ์กีฬากอล์ฟ  รวมกว่า 600 บูธ เพื่อนำเสนอนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เลือกซื้อสินค้าบริการและกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดงาน

ททท. คาดว่า ผลสำเร็จของโครงการ Amazing Thailand Grand Sale จะช่วยสร้างการรับรู้ถึงการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าประจำปีของไทยให้เป็นที่แพร่หลายในนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย และสามารถยกระดับการจัดงานให้ทัดเทียมกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกันได้  รวมถึงช่วยการสร้างภาพลักษณ์ด้านแหล่ง ช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพของประเทศไทยที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศในช่วง Green Season เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาสถิติการซื้อสินค้าของนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มสูงขึ้น และประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกหลากหลายประเภท  อีกทั้งมีสินค้าหัตกรรมพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยว  ซึ่งคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1,800 ล้านบาท