วิกรม กรมดิษฐ์ ยิ้มแก้มปริ ปิดฉากคาราวานเอเชีย 2012
วันที่ 25 ตุลาคม 2555 วิกรม กรมดิษฐ์ จัดงานปิดฉาก ‘โครงการวิถีเพื่อนบ้าน คาราวานเอเชีย 2012’ อย่างยิ่งใหญ่ ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
โครงการวิถีเพื่อนบ้าน คาราวานเอเชีย 2012 มีผู้ร่วมคณะทั้งหมด 14 ชีวิต ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2555 มีจุดหมายอยู่ที่มองโกเลีย โดยเดินทางข้ามผ่าน 6 ประเทศ ไล่เรียงไปตามเส้นทางตั้งแต่ กัมพูชา เวียดนาม จีน มองโกเลีย ลาว และพม่า ก่อนกลับถึงแผ่นดินไทยเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2555 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน กับอีก 13 วัน นับเป็นการเดินทางลำดับที่ 2 ต่อจาก ‘คาราวานท่องประเทศลุ่มน้ำโขง 2011’
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ วิกรม กรมดิษฐ์ ตั้งใจจะทำตามความฝันของตนเองกับการเดินทางด้วยรถบ้านแบบที่ไม่มีใครในประเทศนี้เคยทำมาก่อน ในการเดินทางครั้งที่ 2 นี้ วิกรมเลือกมองโกเลียเป็นจุดหมายที่ต้องไปพิชิตให้ได้เพราะอยากจะไปสัมผัสประเทศของเจงกิสข่านนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่แห่งซีกโลกตะวันออกสักครั้งหนึ่งในชีวิต
ครั้นเมื่อได้ออกเดินทาง วิกรมก็ไม่ทำให้คาราวานนี้เป็นเพียงการเดินทางตามความฝันของตนอย่างเดียวเท่านั้น จึงจับมือกับพันธมิตรสำคัญ อันได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงพาณิชย์ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน , , ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสภาธุรกิจไทย – จีนเพื่อร่วมกันจัดงานสัมมนาอันเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์และความเข้าใจอันดีแก่ภาคประชาชนสู่ภาคประชาชนในภาคพื้นเอเชียร่วมกัน
นอกจากนี้ ดังที่วิกรมมักจะกล่าวอยู่เสมอว่า “ศตวรรษที่ 18 เป็นของยุโรป ศตวรรษที่ 19 เป็นของอเมริกา และศตวรรษนี้ ศตวรรษที่ 20 เป็นของเอเชีย” เขาจึงร่วมมือกับบริษัทผลิตสารคดีจากแคนาดาผลิตสารคดีความยาว 4 ชั่วโมงชื่อ ‘Asia Rising’ และจะออกฉายทางช่อง PBS ของสหรัฐอเมริกา ทั้งยังมีทีมงานของบริษัทพาโนราม่าเวิลด์ไวด์ที่ได้ติดตามไปบันทึกเรื่องราวของแต่ละดินแดนที่ได้ไปประสบพบเจอมาเพื่อถ่ายทอดสู่สายตาประชาชนผ่านรายการ ‘ มองโลกแบบวิกรมรายการที่บอกเล่าสถานการณ์ความเป็นไปของโลก ผ่านการวิเคราะห์ตกผลึกของวิกรม กรมดิษฐ์ แพร่ภาพทางไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์
และอย่างที่ทราบกันดีว่า วิกรม กรมดิษฐ์ เป็นผู้หนึ่งซึ่งตื่นตัวกับการมาถึงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยในทัศนะของเขาเชื่อว่า ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่คนไทยควรจะต้องเริ่มเรียนรู้เรื่องราวของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่มีอิทธิพลอย่างสูงกับอาเซียนอย่างประเทศจีน สร้างความเข้าใจ พร้อมที่จะปรับตัว มีสติ มองให้เห็นถึงโอกาส ลู่ทางที่จะอยู่ร่วมกันเป็นสังคมใหญ่ในอนาคต
การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นที่ ‘ราชอาณาจักรกัมพูชา’ประเทศที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมโบราณและประสบความสำเร็จกับการดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ต่อด้วย ‘สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม’ ประเทศที่ผู้คนล้วนขยันขันแข็ง เนื่องจากเคยผ่านความเจ็บปวดจากสงครามในอดีต ส่งผลให้ตอนนี้กลายเป็นประเทศชั้นแนวหน้าในอาเซียนไปแล้ว
จากนั้นจึงเดินทางเข้า ‘สาธารณรัฐประชาชนจีน’ พี่ใหญ่ของเอเชีย ประเทศที่คาราวานใช้เวลาเดินทางมากที่สุดใน 17 มณฑล 3 มหานคร ทำให้มองเห็นรูปแบบการพัฒนาของแต่ละมณฑลที่ล้วนน่าสนใจ ในฐานะที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ละทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม
กระทั่งถึงไฮไลต์ของคาราวานอย่าง ‘มองโกเลีย’ ประเทศที่น่าจับตามองมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ด้วยมีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทรัพยากรซ่อนอยู่ใต้ดินรอการค้นพบ ทั้งยังเป็นบ้านเกิดของ เจงกิสข่าน นักรบ นักปกครองที่มีดินแดนอยู่ใต้อาณัติมากที่สุดของโลก
เมื่อออกจากมองโกเลียผ่านเข้าจีนอีกครั้ง คาราวานก็มุ่งหน้าเข้าสู่‘สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว’ ประเทศเดียวในโลกที่สื่อสารกับคนไทยเข้าใจด้วยภาษาที่ใกล้เคียงกันเศรษฐกิจลาววันนี้กำลังพุ่งไปข้างหน้า แต่ก็ยังไม่ละทิ้งเสน่ห์แห่งความงดงาม เรียบง่ายอันเป็นเอกลักษณ์
ปิดท้ายคาราวานด้วย ‘เมืองทวาย สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า’เมืองที่ทั่วโลกต่างจับจ้องอยู่ในขณะนี้ เมืองที่อาจพลิกโฉมอาเซียนให้กลายมาเป็นแหล่งที่น่าลงทุนมากที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม กลับมาคราวนี้ วิกรม กรมดิษฐ์ ยังได้ซุ่มเตรียมผลงานหนังสือเล่มใหม่ ‘คาถาชีวิต’ หนังสือที่เก็บตกเรื่องราวในชีวิตตลอดระยะเวลา 60 ปี กลั่นออกมาเป็น 60 ความคิดแบบวิกรม ทั้งนี้ หนังสือยังอยู่ในระหว่างการจัดทำ และจะออกวางจำหน่ายทั่วประเทศ 18 ธันวาคมนี้
อนึ่ง โครงการคาราวานดังกล่าวเป็นโครงการระยะยาว 5 ปี และ ณเวลานี้สมาชิกในคณะต่างก็ยังมีภารกิจที่ต้องสะสาง ขณะที่การเดินทางครั้งต่อไปใกล้เข้ามาทุกที
แสดงผล 1164 ครั้ง