ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวองค์กร

นางจุฑาพร เริงรณอาษา รักษาการ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการดำเนินงานตามแผนวิสาหกิจ ททท. ด้านการเป็น Marketing Intelligence มุ่งการตลาดแบบ 3.0 เพื่อเปิดประสบการณ์การมีส่วนร่วมและทำกิจกรรมในเชิงลึก ท่ามกลางรูปแบบการแข่งขันในตลาดการท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้น ททท. โดยภูมิภาคยุโรป แอฟริกาและตะวันออกกลาง ได้บูรณาการทำงานร่วมกับด้านตลาดในประเทศ และด้านสินค้าการท่องเที่ยวจัดทำโครงการ Thailand Academy ปีที่ 3 เน้นความโดดเด่นของผ้าไทย ซึ่งสอดรับกับแคมเปญปีท่องเที่ยววิถีไทย เพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวที่เดินทางซ้ำ (Re-visit) และที่ยังไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย (First Visit) โดยเจาะกลุ่มนักออกแบบแฟชั่น เยาวชนนักศึกษาที่เรียนทางด้านการออกแบบแฟชั่น รวม 36 คนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี เดนมาร์ก อิสราเอล ฝรั่งเศส สวีเดน ฟินแลนด์ ซึ่งสำนักงาน ททท. ต่างประเทศเป็นผู้คัดเลือกมา ในจำนวนนี้เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นและเซเลบริตี้ของฝรั่งเศสด้วย   

ททท. ได้จัดโครงการ Thailand Academy ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2556 เพื่อนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่ได้แบ่งหมวดหมู่ไว้ และจัดต่อเนื่องปีที่ 2 เข้ามาเรียนมวยไทย สัมผัสวิถีชุมชน และทำกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ถือว่าทั้งสองครั้งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดี และเช่นเดียวกับครั้งนี้ มั่นใจว่าจะนำไปสู่การแบ่งปันทั้งในเรื่องความรู้  การแลกเปลี่ยนถ่ายทอดเชิงเทคนิควิชาการ และการบอกต่อประสบการณ์ ระหว่างชุมชนและผู้มาเยือน  โดยในช่วงวันที่ 18-23 เมษายน 2558  ททท. ได้แบ่งกลุ่มคณะผู้เข้าร่วมโครงการ แยกย้ายไปตามเส้นทางผ้าไทยที่ได้คัดเลือกไว้ 3 เส้นทางในภาคเหนือ  อีสาน ใต้ประกอบด้วย เส้นทางจังหวัดแพร่ – น่าน เรียนรู้ชุมชนทำผ้าหม้อฮ่อม  เส้นทางสุรินทร์ – บุรีรัมย์ เรียนรู้ชุมชนบ้านท่าสว่าง ผ้าไหมยกทอง และเส้นทางนครศรีธรรมราช ผ้ายกเมืองนคร และผ้ามัดย้อมชุมชนคีรีวงศ์ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รู้จักความหลากหลายของผ้าไทย และเกิดมุมมองในสายตานักออกแบบชาวต่างประเทศ โดยจะต้องนำเสนอและประกวดผลงานการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย ถือเป็นการต่อยอดทางด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) ขณะเดียวกัน ททท. ได้ผนวกการนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งหัตถกรรมใกล้เคียงในแต่ละเส้นทาง ซึ่งมีสื่อมวลชนจากต่างประเทศติดตามมาทำข่าวด้วย เป็นช่องทางที่ประชาสัมพันธ์พื้นที่ “เมืองต้องห้าม...พลาด” ควบคู่กันไป