ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวกิจกรรม

นายยุทธศักดิ์  สุภสร  ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  (ททท.)  เป็นสักขีพยานในการลงนามระหว่าง ททท. กับ สายการบินเอมิเรตส์ โดย นางจุฑาพร  เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา ททท. กับ Mr. Badr Abbas  Senior Vice President, Commercial Operation Far East สายการบินเอมิเรตส์  ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการขยายความร่วมมือในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย ระหว่าง ททท. กับ สายการบินเอมิเรตส์  เมื่อวันที่  13  มิถุนายน 2559 ณ เดอะ โดม เลอบัว  แอทสเตท ทาวเวอร์

นายยุทธศักดิ์  สุภสร  ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เกิดจากการได้ร่วมพูดคุยกับผู้บริหารของสายการบินเอมิเรตส์ต่อเนื่อง  นับตั้งแต่การพบปะกันในงาน International Tourism Borse (ITB) 2016 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และอีกครั้งในงาน Arabian Travel Market (ATM) 2016 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  จนได้บรรลุความตกลงร่วมกันเพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวภาคพื้นยุโรป ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกา ซึ่งยังมีช่องว่างของตลาดท่องเที่ยวที่ประเทศไทยสามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ โดยปัญหาหลักคือเส้นทางบินตรงที่ไม่เพียงพอในการเดินทางมายังประเทศไทย  ดังนั้น การลงนามในครั้งนี้ จะมุ่งเน้นการทำตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มผู้มีความสนใจพิเศษ  (Niche Market)  ผ่านการจัดกิจกรรมแบบ Worldwide Joint Promotion โดยใช้จุดแข็งของสายการบิน  เอมิเรตส์ ซึ่งมีเส้นทางการบินและเป็นฮับ (Hub) ของการบิน ที่เชื่อมต่อซีกโลกตะวันออกกับตะวันตก โดยสามารถเลือกสายการบินเอมิเรตส์ในการบินมายังประเทศไทย  ซึ่งปัจจุบัน มีเที่ยวบินจากเมืองดูไบมายังกรุงเทพฯ   6 เที่ยวบินต่อวัน และภูเก็ต 2 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะถึง ได้เพิ่มเที่ยวบินมายังกรุงเทพฯเป็น 7 เที่ยวบินต่อวัน

นางจุฑาพร  เริงรณอาษา กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท. มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ โดย ททท. จะจัดทำโปรโมชั่นเป็นรายกลุ่มแยกตามความสนใจ ได้แก่ Green Tourism, Sport Tourism, Wedding & Honeymoon, Medical & Wellness และ Luxury Tourism ซึ่งในกลุ่มนี้ ททท. มุ่งเจาะไปที่ผู้โดยสารที่ใช้บริการชั้นเฟิร์สคลาส (first class) และชั้นธุรกิจ ซึ่งสายการบินเอมิเรตส์จะรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินระยะไกล (Long-haul) จากฝั่งยุโรป แอฟริกา อเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง ให้เดินทางมายังประเทศไทยได้อย่างสะดวกสบาย

ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยสายการบินเอมิเรตส์จากเมืองดูไบมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมากกว่า 700,000 คน/ปี แยกเป็นผ่านท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ มากกว่า 580,000 คน/ปี และท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต มากกว่า 120,000 คน/ปี โดยได้มีแผนที่จะขยายเส้นทางบินมายังประเทศไทยเพิ่มเติม โดยใช้ท่าอากาศนานาชาติเชียงใหม่ หรือท่าอากาศยานอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรีอีกด้วย  ททท. คาดว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการสร้างกิจกรรมทางการตลาดเพื่อประโยชน์ทั้งสองฝ่าย อีกทั้งยังช่วยให้มีการเดินทางของนักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้นต่อไป