ท่องเที่ยวปลายปียังสดใส ททท.กระตุ้นตลาดในประเทศ ผุดเส้นทางเที่ยวต่อยอด 70 เส้นทางตามรอยพระบาทเตรียมเดินทางสัมผัสอากาศหนาวพร้อมชวนฟังแจ๊สแห่งความทรงจำ
บ่ายวันนี้ (16 พฤศจิกายน 2559) นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมแถลงถึงแผนการดำเนินการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปี ยืนยันตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าเดินหน้าจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้ต่อเนื่อง
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เป็นข่าวดีที่ประเทศไทยจะมีอากาศหนาวเย็น ซึ่งถือว่าจะช่วยยืดช่วงเวลาของฤดูท่องเที่ยวให้ยาวออกไป โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่แถบเทือกเขาของประเทศไทย อาทิ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นต้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวก็ได้เริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจนถึงปลายปี 2559 ยังคงเป็นไปตามเป้า ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวไตรมาส 4 คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 609,616.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.28 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 389,884.43 ล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวน 219,731.62 ล้านบาท ดั้งนั้น คาดว่าจะมีรายได้ในปี 2559 จำนวน 2,486,282 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 แยกเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 1,627,280.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.68 (ประมาณ 32.4 ล้านคน) และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวน 859,002.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.96 จากปีที่ผ่านมาและยังคงเน้นให้ ททท. ดำเนินการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมตามคู่มือท่องเที่ยว “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” และเชื่อมโยงกับพื้นที่ในแผนการส่งเสริมพื้นที่รองคือ “12 เมืองต้องห้าม .. พลาด” และ “12 เมืองต้องห้าม .. พลาดพลัส” ซึ่งถือว่าเหมาะสมกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวพอดี
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงปลายปี ททท. ได้เตรียมกิจกรรมและเส้นทางท่องเที่ยวไว้เพื่อให้สามารถวางแผนท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก ได้แก่ กิจกรรมการแสดงดนตรี ชื่อว่า “แจ๊สแห่งความทรงจำ” ในบรรยากาศสบายๆ ต้นฤดูหนาว ซึ่งกำหนดจัดในวันที่ 26 – 27 พฤศจิกายน 2559 ใน 2 พื้นที่ ได้แก่ วัดพระราม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในแนวคิด “Jazz in the World Heritage” เป็นรูปแบบการแสดงดนตรีป็อปแจ๊สผสานกับวงออร์เคสตร้า ซาบซึ้งกับดนตรีคลาสสิกท่ามกลางบรรยากาศเมืองราชธานีเดิมของไทย และแหลมแท่น ตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี ในแนวคิด “Jazz on the Beach” ซึ่ง ททท. ได้รับเกียรติจาก ดร.ภาธร ศรีกรานนท์ นักดนตรีวง อ.ส. วันศุกร์ หรือ อัมพรสถานวันศุกร์ ซึ่งเป็นวงดนตรีในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาร่วมบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ และเล่าเรื่องราวอันสุดประทับใจในการถวายงาน โดยทั้ง2 บรรยากาศจะเบิกโรงด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ลมหนาว” โดยรอบบริเวณงานทั้ง 2 พื้นที่ จะนำเสนอร้านอาหารถิ่น นิทรรศการอันเกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริ โครงการตามพระราชเสาวนีย์ โครงการหลวง โครงการทดลองทางการเกษตร พื้นที่ทรงงาน ซึ่งปรากฏในหนังสือคู่มือท่องเที่ยว “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและชลบุรี อาทิ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พระราชวังบางประอิน ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เป็นต้น ผู้เข้าชมไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
สำหรับคู่มือท่องเที่ยว “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก มีผู้สนใจขอรับหนังสือดังกล่าวแล้วจำนวน 100,000 เล่ม ททท. ดำเนินการจัดพิมพ์เพิ่มจำนวน 100,000 เล่ม และมีการดาวน์โหลดข้อมูลในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์จำนวน 50,613 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พ.ย.59) ขณะเดียวกัน ททท. ได้ดำเนินการแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อแจกจ่ายแก่นักท่องเที่ยวในช่วงปลายปี นอกจากนี้ ททท. กำหนดจัดทำคู่มือท่องเที่ยวเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจาก 70 เส้นทางตามรอยพระบาทไปสู่แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง พร้อมแนะนำตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยว อาหารถิ่น ร้านจำหน่ายของที่ระลึกและที่พัก ในรูปแบบสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แบ่งเป็น 5 ภูมิภาค จัดพิมพ์ภูมิภาคละ 30,000 เล่ม รวม 150,000 เล่ม ในชื่อ “เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ภาคเหนือ” “เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ภาคอีสาน” “เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ภาคกลาง” “เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ภาคตะวันออก” และ“เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยพระบาท ภาคใต้” สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไป คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมแจกจ่ายในวันที่ 5 ธันวาคม 2559 นี้
นอกจากนี้ ททท. ยังได้จัดกิจกรรม “ก้าวแรกสู่ 9 ที่ยิ่งใหญ่” โดยจัดทำเส้นทางท่องเที่ยว 9 เส้นทาง ซึ่งคัดเลือกโครงการตามพระราชดำริหรือสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเพื่อเยี่ยมเยือนพสกนิกรเป็นครั้งแรก ทำให้เกิดเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเกิดเหตุการณ์อันน่าประทับใจเล่าขานมาถึงปัจจุบัน นำมาผูกโยงเป็นเส้นทางท่องเที่ยว ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี - โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ – ศูนย์การศึกษาพัฒนาห้วยทราย
จังหวัดเพชรบุรี – อ่างเก็บน้ำเขาเต่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เส้นทางที่ 2 : โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ – ชุมชนบางกะเจ้า –
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ จังหวัดสมุทรปราการ
เส้นทางที่ 3 : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดจันทบุรี
เส้นทางที่ 4 : สวนกุหลาบห้วยผักไผ่ - สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง – บ้านนอแล - พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงบ้านยาง
จังหวัดเชียงใหม่
เส้นทางที่ 5 : โครงการหลวงแม่โถ – สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ – อุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
เส้นทางที่ 6 : ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน – พระตำหนักดอยตุง – สวนแม่ฟ้าหลวง –
หอแห่งแรงบันดาลใจ – หอฝิ่นอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย
เส้นทางที่ 7 : ศูนย์การศึกษาพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ – โครงการสวนพฤกษศาสตร์ในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ ตำบลกะลุวอ จังหวัดนราธิวาส
เส้นทางที่ 8 : ศูนย์การศึกษาพัฒนาภูพาน จังหวัดสกลนคร
เส้นทางที่ 9 : หาดราไวย์ – น้ำตกวังขี้อ้อน จังหวัดภูเก็ต – ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ จังหวัดกระบี่
โดยทั้ง 9 เส้นทาง ททท. จะนำเสนอแก่สมาคมธุรกิจนำเที่ยวและสายการบินต่างๆ เพื่อจัดทำเป็นแพ็คเกจท่องเที่ยวสำหรับประชาชนได้เลือกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้ในพื้นที่ทรงงานต่อไป
นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจ ยังคงสามารถดาวน์โหลดคู่มือท่องเที่ยว “70 เส้นทางตามรอยพระบาท” ได้ที่ http://70waysofking.tourismthailand.org หรือสอบถามข้อมูลท่องเที่ยว ช่วงเวลาชมดอกไม้บาน เทศกาลงานประเพณี อาหารถิ่น สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่ 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย