ตะลอนชิล ที่ช่างชุ่ย
เมื่อคิดถึงสถานที่พักผ่อนยามว่างของคนกรุงฯ หลายคนคงจะนึกถึงสถานที่ยอดนิยมอย่าง Asiatique the Riverfront ถนนข้าวสาร ตลาดนัดเจเจ หรือห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า “ช่างชุ่ย” creative space เปิดใหม่ย่านฝั่งธนฯ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน ดังนั้นก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าช่างชุ่ยคืออะไร และน่าสนใจอย่างไร
ช่างชุ่ย เป็นพื้นที่เปิดขนาด 11 ไร่ รังสรรค์ขึ้นจากแนวคิดที่มองว่าไม่มีสิ่งใดไร้ค่า การตกแต่งสถานที่จึงเต็มไปด้วยของเก่าเก็บสไตล์วินเทจ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นไม้ หน้าต่างเก่าบานใหญ่ สังกะสี โครงเหล็ก แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีไอเดียที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่รวมตัวของเด็กวัยรุ่นสมัยใหม่ด้วย จึงมีมุมที่เป็นศิลปะและการตกแต่งแบบที่เอาใจเหล่าฮิปสเตอร์ มีตัวการ์ตูนขนาดใหญ่หน้าตาประหลาดและมีจุดเด่นของโครงการคือเครื่องบินลำยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่ จึงพูดได้ว่าช่างชุ่ยเป็นดินแดนที่ผสมผสานศิลปะความเก่ากับความใหม่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ ภายในโครงการยังประกอบไปด้วยสถานที่พักผ่อน และสถานที่ทำกิจกรรมอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านตัดผม ร้านหนังสือ โซน food truck บาร์ โรงหนัง และพิพิธภัณฑ์ ที่ถูกนำมารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวในแหล่งเดียว
เริ่มจากทางเข้าด้านหน้าโครงการ ซึ่งเป็นซุ้มป้ายโครงการขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบไว้อย่างอาร์ตๆด้วยหน้าต่างเก่า สังกะสี และโครงเหล็ก หากเราเดินเข้ามาจากประตูที่หนึ่งซึ่งเป็นประตูกลาง ด้านซ้ายมือและขวามือจะเป็นโซนตลาด ที่มีทั้งของคาวและของหวานให้เลือกชิม ไม่ว่าจะเป็นร้านไอศกรีมไว้ทานดับร้อน ร้านมะตะบะ ร้านไก่ทอด หมูทอด ลูกชิ้น อาหารทะเล ซึ่งทุกร้านล้วนตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์เข้ากับสินค้าที่ขาย โดยเราสามารถเลือกนั่งรับประทานอาหารที่ร้านหรือเดินรับประทานไปพร้อมๆกับการเดินชมรอบๆพื้นที่ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีสินค้า handmadeเก๋ๆ และเสื้อผ้าจำหน่ายอีกด้วย
เมื่ออิ่มท้องกับอาหารว่างแล้ว หากมองตรงไปด้านหน้า เราจะพบกับเครื่องบินลำใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็น Landmark ของโครงการที่ทุกคนที่มาเยี่ยมชมจะต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักครั้งหนึ่ง โดยลานพื้นที่ในช่างชุ่ยจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป และในเวลากลางคืน ทั่วบริเวณจะมีการเปิดไฟแสงสีที่สวยงาม โดยเฉพาะบริเวณลานด้านหน้าเครื่องบิน ที่เป็นที่ตั้งของร้านนั่งชิล ซึ่งเปิดให้เราได้ซึมซับบรรยากาศรอบๆ และนั่งคุยกับคนข้างๆไปพร้อมกับดื่มเครื่องดื่มในมือได้ และหากเดินเข้าไปอีกฟากหนึ่งของเครื่องบิน เราจะพบกับร้านตัดผมสไตล์วินเทจ และโรงละครที่มีชื่อแบบอาร์ตๆว่า “ดูจิตแล้ว อะไรก็ช่าง” ซึ่งเป็นที่ฉายหนังสารคดีที่หาชมได้ยาก และเมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆทางด้านประตูที่ 3 จะพบกับโซนร้านอาหาร ซึ่งมีทั้งศูนย์อาหาร “แดกดิ้น” ที่รวบรวมร้านอาหารอร่อยเด็ดมาไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ภายในโซนยังมีร้านอาหาร รวมถึงคาเฟ่เครื่องดื่มและของหวานอีกมากมายให้เลือกรับประทานกันได้ตามชอบ
ไฮไลท์ถัดมา ที่โดดเด่นไม่แพ้เครื่องบินลำยักษ์ก็คืออาคารกิจกรรมต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันไปแต่ละอาคาร ไม่ว่าจะเป็นอาคาร “อาเหนกป้าสง” ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดงานนิทรรศการต่างๆ หรืออาคาร “ชุ่ยเจริญ” ที่มาในธีมร้านค้าโชว์ห่วยสมัยก่อน เป็นต้น ซึ่งแต่ละอาคาร แต่ละร้าน เมื่อก้าวเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกที่หนึ่ง เนื่องจากร้านค้า อาคารต่างๆล้วนมีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง ซึ่งสามารถช่วยนำเสนอข้าวของในร้านได้อย่างน่าสนใจจนเราสัมผัสได้ว่าสิ่งของต่างๆที่อยู่ภายในร้าน เป็นศิลปะ เป็นความชอบจริงๆของผู้สร้าง ที่ตั้งใจส่งต่อให้ผู้มาเยือนได้เสพ
โดยสรุปแล้ว ช่าง“ชุ่ย” ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างชุ่ยๆตามชื่อ แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากความไม่ตั้งใจโดยตั้งใจ คือเป็นศิลปะของการยำรวม ที่แม้ว่าทุกอย่างจะดูเหมือนถูกนำมาประกอบรวมกันอย่างไม่มีรูปแบบ ไม่มีแบบแผน แต่ว่ากลับผสมผสานเข้ากันได้อย่างลงตัว เป็นดินแดนแห่งไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ ที่มีทั้งที่กิน ที่ชิล ที่ชมและที่ช้อป เรียกได้ว่ามีทุกอย่างครบครันแถมยังไม่ต้องไปไกลอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการมาเดินเล่นชิลๆกับเพื่อน ครอบครัวหรือคนรักในวันว่าง และใครๆก็มาได้จริงๆ ไม่ว่าจะมีความสนใจในศิลปะหรือไม่ เพราะช่างชุ่ยมีมุมให้เก็บภาพสวยๆมากมาย คนทั่วไปที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ หรืออยากมีรูปสวยๆไว้แชร์กับเพื่อนก็สามารถมาได้เช่นกัน แถมนอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว ยังได้ไอเดียใหม่ๆและแรงบันดาลใจติดไม้ติดมือกลับไปอีกด้วย
เรื่อง : ณิชชา กรรมารวนิช
ภาพ : ชณัฐชา วงศารัตนศิลป์
แสดงผล 1487 ครั้ง