ดรอปโซน เฟสติวัล แบงค็อก 2018” ปรากฏการณ์พลิกโลกแห่งมิวสิค เฟสติวัล ในรูปแบบใหม่
สายตื๊ด..ห้ามพลาด! เตรียมพบกับที่สุดแห่งเทศกาลดนตรี Dropzone Festival (ดรอปโซน เฟสติวัล) เปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคที่ประเทศไทย เอาใจแฟนดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ มิวสิค จัดเต็มทั้งระบบแสง – สี – เสียงโดยทีม โปรดักชั่นชื่อดังระดับโลก ที่พร้อมจะสร้างประสบการณ์มิวสิค เฟสติวัลในรูปแบบใหม่ให้ได้สัมผัสกันที่กรุงเทพฯ เริ่มต้นในปี 2561 จนถึง 2565
Dropzone Festival ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 2 และวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2561 ณ วันเดอร์เวิร์ล เอ็กซ์ตรีม ปาร์ค (Wonderworld Extreme Park) งานนี้เรียกได้ว่าเป็นที่สุดแห่งวงการอิเล็กทรอนิกส์มิวสิคที่จะเปิดให้แฟนๆ ได้สนุกกันกับดนตรีหลากแนวผ่านเวทีหลัก 3 เวทีด้วยกันไล่ไปตั้งแต่แนว EDM, Techno, Trance,Trap และ Hardcore ซึ่งใครที่เป็นขาปาร์ตี้และแฟนเพลงในสไตล์นี้พลาดไม่ได้ เตรียมไปสนุกกันได้ทั้งสองวัน เปิดให้มันส์กันตั้งแต่ช่วงกลางวันยันดึกเลยทีเดียว
งานนี้มีทีมงานโปรดักชั่นขั้นเทพ ที่จะมาร่ายมนต์ทางโสตสัมผัสให้กับแฟนๆ มิวสิค เฟสติวัล ให้มันส์กันขั้นสุดจากเทคนิคล้ำยุคทั้งระบบภาพและเสียง จัดเต็มรวบ 5 ปี โดยทีมงานชื่อดังจากยุโรป Switch Audiovisuals ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงาน Sónar Barcelona ร่วมกับ Ledscontrol ทีมงานด้านโปรดักชั่นดีไซน์ระดับโลกที่มีรางวัลการันตีมากมาย และยังเป็นผู้สร้างเวที Garuda ของ DWP และคลับชื่อดังต่างๆ ของโลก รวมถึง Zouk ในสิงคโปร์ และซุเปอร์คลับอย่าง Space และ Amnesia ที่อีบีซา ในสเปนอีกด้วย ทั้งนี้ยังไม่รวมผู้เชี่ยวชาญสายต่างๆ ที่มาจากงานใหญ่ๆ ของยุโรปเช่น Tomorrowland และ Primavera Sound อีกด้วย
สำหรับความสดใหม่ และความไม่ธรรมดาของงานนี้ คือความสร้างสรรค์ในการผสมผสานคุณสมบัติของวีดีโอเกมส์และภาพยนตร์เข้าไปในเทศกาลดนตรีได้อย่างลงตัว โดย Joel Ibañez ผู้อำนวยการจัดงาน Dropzone Festival เปิดเผยว่า เทศกาลดนตรีที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เรียกว่าเป็นการฉีกกฎและแหวกแนว งานนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของการจัดงานมิวสิค เฟสติวัล ในโลกกันเลยทีเดียว
โดยนับเป็นข่าวดีของแฟนๆ อิเล็กทรอนิกส์มิวสิคในบ้านเราที่ Dropzone Festival มีแผนจะจัดขึ้นเป็นเทศกาลประจำปีในกรุงเทพฯ ถึง 5 ปี (ปี 2561 – 2565) ก่อนจะย้ายไปจัดที่ประเทศอื่นๆ โดยทั้ง 5 ครั้งจะจัดเป็นธีมในแนวนวนิยายแบบ Sci-fi ที่บอกเล่าเรื่องราว post-apocalyptic หรือโลกในยุคที่เพิ่งผ่านพ้นจากภัยพิบัติ แบ่งเป็น 5 ตอนด้วยกัน ผู้จัดยังตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ให้งานนี้เป็นงานปาร์ตี้แบบเกมส์ MMORPG เสมือนจริงครั้งแรกในโลก ที่ผู้ร่วมงานจะได้ร่วมสนุกไปกับบทบาท และความท้าทายแบบในเกมส์ นอกเหนือจากความบันเทิงอื่นๆ ที่จัดเต็มตลอดทั้งวัน ทั้งนี้เมื่อเรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปและจบลง Dropzone Festival ก็จะเกิดขึ้นใหม่ในประเทศอื่นต่อไป
เรื่องราวของภาคแรก Chapter 1: Apocalypse เริ่มต้นในโลกแห่งอนาคต ผู้ที่มาร่วมงานจะรับบทเป็นตัวแทนมนุษยชาติซึ่งรอดชีวิตจากการโจมตีครั้งใหญ่ และมารวมตัวกันที่ป้อมปราการที่มีชื่อเรียกว่า Dropzone (ดรอปโซน) ส่วนภายนอกนั้น มีกองกำลังต่างดาวอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ แม้เราจะยังไม่สามารถทราบได้ว่ากองกำลังเหล่านั้นเป็นอะไร เราได้เรียนรู้ว่าศัตรูเหล่านั้นกลัวแสงและเสียงดนตรียิ่งกว่าสิ่งใด เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่าผู้รอดชีวิตต้องมารวมตัวกัน ให้สนุกสุดเหวี่ยงทั้งวันทั้งคืน เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ
ทั้งนี้ผู้จัดงานย้ำว่าการจัด Dropzone Festival ในปีต่อๆ ไป จะเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าขึ้นไปในแต่ละปี โดยให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สนุกกับการ “เล่น” และมีปฏิสัมพันธ์กับโลกที่ Dropzone ได้สร้างขึ้น
“Dropzone ยังมีเซอร์ไพรส์อีกมากมาย โดยผู้ที่ร่วมงานสามารถสวมบทบาทแบบในเกมส์ มีตัวเลือกและการตัดสินใจ เพื่อรางวัลที่รออยู่ ทุกอย่างนั้นเป็นไปได้ใน Dropzone อย่างไรก็ตามในที่สุดแล้ว งานนี้ถือเป็นอิเล็กทรอนิกส์ มิวสิค เฟสติวัลที่คุณกับเพื่อนๆ แม้ไม่รับรู้หรือสนใจเกี่ยวกับพล๊อต ก็ยังสนุกอย่างสุดได้” ผู้อำนวยการผลิตกล่าวเสริม
เสน่ห์ของแบรนด์ Dropzone ส่วนหนึ่งคือ การเปิดให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมไขปริศนา เพื่อทำความเข้าใจกับโลกที่พวกเค้ากำลังจะเข้าไปผจญภัย คอภาพยนตร์ และเกมส์จะคุ้นเคยกับการค้นคว้าหาเบาะแส และความหมายในพล๊อตแบบนี้ รายละเอียดต่างๆ จะหาดูและอ่านได้จากช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย และเว็บไซด์อันหน้าประทับใจของ Dropzone Festival ที่ถูกผลิตโดยศิลปินเกมส์และหนังค่ายดังของโลก อาทิ Blizzard, Marvel, LucasArts และอื่นๆ
Dropzone Festival ปีแรก ใช้ชื่อว่า Chapter 1: Apocalypse เป็นการเปิดตัวและแนะนำนักปาร์ตี้ทั้งหลายสู่โลกแห่ง Dropzone เน้นไปที่สุนทรียะแนวไซเบอร์พังก์ โดยมีเหล่า Audiomancers หรือดีเจแนวอิเล็กทรอนิกส์ มิวสิคชื่อดังมากมายซึ่งจะประจำอยู่ตามเวทีต่างๆ ดังนี้
เวที The Core:
Dash Berlin
Kaskade
Paul Van Dyk
Futuristic Polar Bears
Liquid Soul
Mark Sixma
Otto Knows
Skazi
Thomas Gold
เวที The Armory:
A-Trak
Kill The Noise
Valentino Khan
Caked Up
Dirtcaps
Gent & Jawns
Miss K8
UZ
เวที The Station:
Sven Väth
Marco Carola
Pan-Pot
Xhin
นอกจากนี้ยังมี Audiomancers ที่ยังไม่ได้ประกาศชื่อดังอีกมากมายที่จะมาร่วมแจมด้วย…
เวทีหลักทั้ง The Core, The Station และ The Armory จะตั้งอยู่ภายในสถานที่จัดงานที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ นั่นก็คือสวนสนุกเก่า วันเดอร์เวิร์ล เอ็กซ์ตรีม ปาร์ค (รามอินทรา) นอกจากนี้ภายในบริเวณจัดงาน มียังโซนต่างๆ อาทิ The Arcade ที่มี360 VR Dome ของเล่นจาก Protoys และ Instaroid พร้อมผลงานจากสตูดิโอภาพยนตร์ชื่อดังของโลก และของเล่น Technology อื่นๆ อีกมากมาย The Arena เป็นโซนเล่นยิงเลเซอร์นำเสนอโดย Lazgam และ The Bazaar โซนอาหารและงานศิลปะที่จะถูกตกแต่งเสมือนฉากในภาพยนตร์ sci-fi ต่างๆ เช่น Blade Runner ฯลฯ
ภายในอาณาเขตป้อมปราการของดรอปโซน จะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ ดังนี้
THE CORE
ปลดปล่อยอารมณ์พร้อมระเบิดความมันส์ไปกับสุดยอดดีเจแนวอิเล็กทรอนิกส์มิวสิค อาทิ Kaskade,
Paul van Dyk, Liquid Soul, Futuristic Polar Bears ฯลฯ
(มี Gold Table, โซน Gold และ โซน Diamond)
THE STATION
ก้าวขึ้นสู่สสมรภูมิไปสัมผัสประสบการณ์สุดระทึกตื่นเต้นเร้าใจจากศิลปิน และทีมงานชั้นนำจากนานาชาติอาทิ Sven Väth, Pan-Pot ฯลฯ
(มี Gold Table และ โซน Gold)
THE ARMORY
เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะปาร์ตี้แบบสุดฤทธิ์สุดเดชอย่างที่ไม่เคยปรากฎที่ไหนมาก่อนไปกับ A-Trak, Dirtcaps ฯลฯ
(มี Gold Table และ โซน Gold)
THE ARCADE
เข้าชมโดม 360 องศา ที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ พร้อมภาพวาดแบบเสมือนจริง และผลงานจากสตูดิโอชื่อดังของโลก สนุกกับบูธถ่ายรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟจาก Instaroid and Pro-Toys
THE ARENA
เข้าสู่สนามรบในโซนที่ตกแต่งด้วยแสงเลเซอร์ในรูปแบบเกมส์ Lazgam
THE RECOVERY BAY
แวะชาร์ตพลังกับอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิด พร้อมพักผ่อนไปกับการนวดสปาหลังแดนซ์อย่างหนักหน่วงกันมาทั้งวันทั้งคืน
(มีโซน Gold)
THE BAZAAR
ชาร์ตพลังเพื่อพร้อมกับสู่สนามรบอีกครั้ง ด้วยการชมไนท์บาซาร์ที่มีโคมไฟนีออนตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมดื่มด่ำไปกับอาหารรสเลิศ พร้อมชมงานศิลปะอีกมากมาย
สำหรับนักเที่ยวที่เป็นห่วงเรื่องอากาศร้อนช่วงเดือนมีนาคม Dropzone Festival Bangkok 2018 จะมีการนำเข้าระบบไอน้ำไมโครที่มีชื่อว่า Magic Mist (เหมือนที่ใช้ใน Tomorrowland) มาทำให้พื้นที่จัดงานนั้นทั้งสวยทั้งเย็นสบายในหลายๆบริเวณ นอกจากนี้ผู้ที่อยู่ใน Diamond Dome จะมีบริการเครื่องปรับอากาศให้เป็นพิเศษ
บัตรเข้างาน Dropzone Festival Bangkok 2018 เปิดจำหน่ายแล้วตั้งแต่สัปดาห์นี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 3,500 บาท* สำหรับ 2 วัน โดยมีบัตรชนิด EARLY ACCESS Silver Pass (2 วัน) และ Gold Pass (2 วัน) ทั้งนี้ยังมี Diamond Dome สำหรับ 10 ท่าน ให้จองอีกด้วย ทีมงานกล่าวว่า Gold Tables สำหรับ 8 ท่าน และบัตรเข้างานแบบวันเดียวนั้นจะเปิดขายในอนาคต
จับจองบัตรได้ที่ https://www.ticketmelon.com/event/dropzonefestivalbangkok2018
สำหรับประเภทบัตรต่างๆ สามารถใช้ได้กับโซนต่างๆ ดังนี้
SILVER PASS
บัตรเข้างานชนิด General Admission
สนุกไปกับเวที The Core, The Station, The Armory และ area สุดมันส์อีกหลายๆ บริเวณ
GOLD PASS
บริเวณ VIP ที่ เวที The Core, The Station, และ The Armory
บริเวณที่นั่งเล่น The Lounge
ทางเข้า Gold Access พิเศษ ที่ The Gates
ทางเดิน Gold Access พิเศษ ไปที่หน้าเวที The Core
บาร์ และ ห้องน้ำ VIP
(รวมสิทธิพิเศษของ Silver Pass)
GOLD TABLE
Gold Pass สำหรับ 6 ท่าน
Gold Table ส่วนตัวที่ The Core, The Station หรือ The Armory
ชุดเครื่องดื่ม
DIAMOND DOME
Diamond Pass สำหรับ 10 ท่าน
Diamond Dome ส่วนตัวที่เวที The Core
สิทธิพิเศษ ซื้อ Diamond Pass เพิ่มสำหรับ 5 ท่าน
บริการอาหารและเครื่องดื่ม
บัตเลอร์ส่วนตัว
ไอเทมพิเศษ Diamond Lifecrate (ชุดเครื่องดื่ม Premium)
(รวมสิทธิพิเศษของ Gold Pass)
>>จองผ่าน reservations@dropzonefestival.com เท่านั้น<<
ทั้งนี้ งานนี้ก็มีแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนชื่อว่า “Dropzone Festival” ที่เปิดให้แฟนๆ ร่วมสร้างกระแสในโลกออนไลน์ด้วยสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ Dropzone โดยการโพสต์สัญลักษณ์ และแฮชแท็ก #dropzonefestival
Dropzone Festival สัญญากับแฟนๆ ว่าทุกคนจะได้พบกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นมากมาย ซึ่งรวมถึงพรี-ปาร์ตี้ (Pre-Party) ที่คลับชั้นนำของเมืองไทย และยังมีมีภาพยนตร์ Trailer ซึ่งผลิตโดยทีมงานจากฮอลลีวูดและนำแสดงโดยนักแสดงทั้งจากประเทศไทยและต่างชาติด้วย
สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามข่าวสาร และอัพเดทจาก Dropzone สามารถติดตามได้ที่เฟสบุ๊ค Dropzone Festival และร่วมลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิพิเศษต่างๆ แบบเอ็กซ์คลูซีฟเช่น ข่าวสารพิเศษ หรือ โปรโมโคดสำหรับใช้เป็นส่วนลด ได้ที่ dropzonefestival.com
DROPZONE FESTIVAL BANGKOK 2018: THE BIG DROP & MORE
Dropzone Festival ได้มีการริเริ่มการจัดงานเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย พร้อมกับมีการจัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกแก่สื่อมวลชน และผู้ที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ในโลกอนาคตของ ดรอปโซน
ไฮไลท์แรกของงานคือ การเปิดตัวภาพยนตร์ตัวอย่างอันน่าทึ่ง นำแสดงโดย ติช่า กันติชา ชุมมะ ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวในยุคที่โลกเพิ่งผ่านพ้นภัยพิบัติ (Post - apocalyptic) โดยเธอคือผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง ที่จะมุ่งหน้าเดินทางไปยังป้อมปราการ ดรอปโซน อันเต็มไปด้วยแสง สี เสียง และเหล่าบรรดาผู้คนที่รอดชีวิตที่รวมตัวกันปาร์ตี้เพื่อกอบกู้มนุษยชาติ
งานแถลงข่าวในครั้งนี้ประกอบด้วยผู้บริหาร ดรอปโซน เอ็นเทอร์เทนเมนต์ ได้แก่ คุณเมลตี้ เมลาณี ตันติวานิช ,Mr. Germán Palau พร้อมด้วยบรรดาเหล่าพันธมิตรมือรางวัลชื่อก้องโลกในทุกด้านมารวมตัวกันเพื่อร่วมกันผลิตเทศกาลดนตรีในครั้งนี้ ได้แก่ Mr. Pol Roca ซีอีโอจาก Switch Audiovisuals (ประเทศสเปน), Ms. Rebeca Sánchez ประธาน Ledscontrol, Mr. Miquel Clot, ผู้บริหารจาก Ledscontrol (ประเทศสเปน) คุณวินิจ เลิศรัตนชัย พร้อมด้วย Mr. Ido Banai (สหรัฐอเมริกา) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์จากฮอลลีวูด อีกทั้งยังมีผู้แทนจากภาครัฐได้แก่ท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณยุทธศักดิ์ สุภสร และแอร์เอเชีย คุณธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ร่วมแถลงข่าวถึงความสำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมผู้ร่วมแถลงข่าวจะได้รับชม VTR เปิดตัวของเหล่าดีเจชื่อเสียงระดับโลกที่จะมาร่วมแสดงบนเวทีเทศกาลดนตรีดรอปโซน เฟสติวัล 2018 อาทิ Dash Berlin, Kaskade, Sven Väth, Marco Carola, Pan-Pot, A-Trak, Kill The Noise, and Valentino Khan โดยมีคุณ Carla Porter เป็นพิธีกรตลอดงาน
เว็บไซด์: www.dropzonefestival.com
เฟสบุ๊ค: www.facebook.com/dropzonefestival
อินสตราแกรม: @dropzonefestival
ไลน์ (Business): @dropzonefestival
สอบถามข้อมูลทั่วไปที่ อีเมล์: infotronic@dropzonefestival.com
สำรอง Diamond Dome ได้ที่ อีเมล์: reservations@dropzonefestival.com
“ขอแสงสีและเสียงดนตรีนำทางให้แก่พวกเราทุกคน”
สำหรับสื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: teddy@dropzonefestival.com
แสดงผล 1591 ครั้ง