ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวเศรษฐกิจ

ททท. จับมือ กรมการกงสุล กรมการท่องเที่ยว ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยเรื่องการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการกงสุล กรมการท่องเที่ยว ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจลงตราควบคู่กับการคัดกรองและการอำนวยความสะดวกการเดินทางให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวและการกำกับดูแลระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร โดยพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ระหว่างนางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล และนายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว จัดขึ้น ณ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

นางสาวฐาปนีย์  เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมมือระหว่าง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. เพื่อเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลนักท่องเที่ยวด้วยระบบ API/linkage โดย ททท. ดำเนินการจัดทำระบบ VISA Pre-Scan System (VPSS) Gateway ที่สามารถช่วยคัดกรอง และตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีความประสงค์เดินทางเข้าประเทศไทยในเบื้องต้น เพื่อให้การขอรับการตรวจลงตราผ่านระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ของนักท่องเที่ยวเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริม และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดย ททท.จะนำข้อมูลนักท่องเที่ยวและรายละเอียดการนำเที่ยวจากกรมการท่องเที่ยว ตรวจสอบกับข้อมูลต้นทางของนักท่องเที่ยว อาทิ บัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก ประกัน ความถูกต้องของรายละเอียดการนำเที่ยว เป็นต้น และจัดส่งข้อมูลให้กับกรมการท่องเที่ยวและกรมการกงสุล (ระบบ e-Visa) ทั้งนี้การตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวจะช่วยดูแลเรื่องความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า ความร่วมมือจากการลงนามนี้ ซึ่งถือเป็นระยะแรก จะทำให้หน่วยงานภาครัฐทั้ง 3 หน่วยงาน สามารถบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล ในส่วนกรมการกงสุลจะใช้ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่มากับบริษัทนำเที่ยวที่ลงทะเบียนกับระบบสารสนเทศใบสั่งงานมัคคุเทศก์ (Job Order) ของกรมการท่องเที่ยวและข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบจากระบบ VISA Pre-Scan System (VPSS) Gateway ของ ททท. เป็นข้อมูลประกอบในการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวให้รวดเร็วขึ้นจากเดิม 7 วันทำการ เป็น 2-3 วันทำการ นับเป็นการอำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยวและธุรกิจนำเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ สนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในการเพิ่มจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยว โดยสำหรับความร่วมมือในระยะต่อไปจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อบูรณาการข้อมูลการนำเที่ยวให้หน่วยงานฝ่ายปฏิบัติสามารถช่วยดูแลนักท่องเที่ยว ให้มีความปลอดภัย มีประสบการณ์ที่ดีในการมาเที่ยวไทย นับเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพในระยะยาว

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า กรมการท่องเที่ยวมีบทบาทในการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากกรมการท่องเที่ยว เพื่อเชื่อมโยงกับคู่สัญญาต่างประเทศที่กรมการกงสุลจัดส่งให้และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบสารสนเทศใบสั่งงานมัคคุเทศก์ (Job Order) และที่เกี่ยวข้องกับระบบ VISA Pre-Scan System (VPSS) Gateway ที่ ททท. กำกับดูแล และระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ของกรมการกงสุล

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว จะส่งผลให้นักท่องเที่ยวได้รับการตรวจลงตราได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีส่วนผลักดันให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ที่มุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บรรลุเป้าหมายจำนวน 25-30 ล้านคนในช่วงปลายปีนี้ ในขณะที่การบูรณาการข้อมูลจะสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับ เป็นประโยชน์ในการกำกับดูแลของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคการท่องเที่ยวอันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพื่อประโยชน์ในการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของระบบต่าง ๆ และการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว

แสดงผล 599 ครั้ง