ข่าวประชาสัมพันธ์ ข่าวเศรษฐกิจ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน ‘Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2023’ เวทีเจรจาธุรกิจท่องเที่ยวสำหรับกีฬากอล์ฟ ระหว่างผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวด้านกอล์ฟจาก 15 ประเทศทั่วโลก พบปะผู้ประกอบการสนามกอล์ฟและรีสอร์ทในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 4 – 6 กันยายน 2566 ณ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มุ่งส่งเสริมตลาดศักยภาพและสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยด้วย “World Class Golf Destination”

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ททท. มุ่งเน้นที่จะขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยด้วยการส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าและยั่งยืนให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีมูลค่าการใช้จ่ายสูง เช่นตลาดกลุ่มความสนใจพิเศษ โดยเฉพาะกอล์ฟ ถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นการนำกีฬามาส่งเสริมให้เกิดการเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น โดยการจัดงาน ‘Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2023’ ในครั้งนี้ เป็นการจัด หลังจากที่ได้เว้นระยะไปกว่า 4 ปี ประเทศไทยเองมีความพร้อมทั้งในเรื่องสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวก ด้วยสนามกอล์ฟที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพ มีทัศนียภาพและธรรมชาติที่สวยงาม กว่า 300 สนามทั่วประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาทำกิจกรรมกอล์ฟในประเทศไทย และนำไปสู่การต่อยอดในการนำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายของประเทศได้ เช่น กิจกรรมสปา ช้อปปิ้ง อาหารไทย จึงเป็นการสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

สำหรับงาน ‘Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2023’ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 6 กันยายน 2566 ณ จังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรม Golf Inspection ณ สนามกอล์ฟ Banyan Golf Club Hua Hin จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรม Market Briefing เพื่ออัปเดทสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับกิจกรรมกอล์ฟ และกิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่าง 64 ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวกอล์ฟจาก 15 ประเทศทั่วโลกพบปะกับ 71 ผู้ประกอบการสนามกอล์ฟและรีสอร์ทในประเทศไทย ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมเครือข่าย Networking Golf ณ สนามกอล์ฟ Springfield Royal Country Club จังหวัดเพชรบุรี

ทั้งนี้ ททท. คาดว่าการจัดงาน ‘Thailand Golf Travel Mart (TGTM) 2023’ จะเป็นเวทีในการเจรจาธุรกิจที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวด้านกีฬากอล์ฟให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงสร้างการรับรู้ประเทศไทยในฐานะ “World Class Golf Destination” ที่จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวที่นิยมกิจกรรมกอล์ฟ รวมถึงผู้เล่นกอล์ฟจากนานาประเทศเลือกเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลัก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และผลักดันรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2566