ททท. ร่วมลงนาม LOI กับ Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำ ดึงนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วย Soft Power 5F มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ยั่งยืน
วันนี้ 18 เมษายน 2567 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Mr. Eric Gnock Fah ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และผู้ก่อตั้ง บริษัท คลูก เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ Klook ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชีย ร่วมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) พันธมิตรทางธุรกิจ ปักหมุดตลาดนักท่องเที่ยวอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ร่วมส่งเสริมประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ด้วย Soft Power 5F และมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยมี นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. และ Ms. Michelle Ho ผู้จัดการทั่วไป Klook ประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม ณ อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ความร่วมมือกับแพลตฟอร์ม Klook ในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์ทางการท่องเที่ยว และทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ โดย ททท. จะร่วมกับ Klook ส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ด้วยจุดแข็งของประเทศไทยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามของธรรมชาติ และความหลากหลายของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่พร้อมจะรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ในทุกรูปแบบ โดยจะนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วย Soft Power of Thailand 5F: Food, Flim, Fashion, Fight, Festival และเน้นส่งเสริมการโปรโมทประสบการณ์ 5 Must Do in Thailand กระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองน่าเที่ยว หรือ Hidden Gems พร้อม ๆ ไปกับการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมอีเวนต์และเทศกาลต่าง ๆ ที่จะมีมาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง Event ระดับโลก
Mr. Eric Gnock Fah ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และผู้ก่อตั้ง Klook กล่าวว่า Klook มีความยินดีที่จะร่วมมือกับ ททท. เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่สุดพิเศษและมีคุณค่าในประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดไปจนถึงเมืองน่าเที่ยว ซึ่งเป็นความพิเศษที่รอการค้นพบ โดยจากการสำรวจ Travel Pulse ของ Klook พบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมที่จะแสวงหาประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่แตกต่างและให้ความสำคัญกับการลิ้มรสอาหาร และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่น และร่วมงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งสำหรับประเทศไทย แพลตฟอร์มของ Klook นำเสนอ 1,700 ประสบการณ์ และกว่า 10,000 แพ็คเกจ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ในปีนี้ ซึ่งจะรวมถึง 5 สิ่งที่ต้องทำในประเทศไทย (5 Must Do in Thailand) อาทิ การชมมวยไทย หรือการชิมร้านอาหารมิชลิน บิบกูร์มองด์ เจ๊โอว และการล่องเรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ รวมถึงทำให้ประสบการณ์ในการจองบัตรเข้าร่วมงานอีเวนต์และเทศกาล ที่พัก และบริการต่าง ๆ เป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของการท่องเที่ยวไทย ขณะเดียวกัน Klook ยังมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในเรื่องของความยั่งยืน และช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมในวงกว้าง
นอกจากนี้ การนำเสนอเมืองน่าเที่ยว (Hidden Gems) บนแพลตฟอร์ม Klook ทำให้ผู้ใช้งาน Klook จากทั่วโลกสามารถเข้าถึงและเดินทางมาท่องเที่ยวยังเมืองเหล่านี้ได้ โดยร้อยละ 80 ของประสบการณ์ใหม่ทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่จะนำเสนอและให้บริการเพิ่มในปีนี้มาจากผู้ประกอบการท้องถิ่นขนาดเล็กและขนาดกลางซึ่งนับว่าเป็นการส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น และช่วยกระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ททท. และ Klook เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพิ่มการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้น และมุ่งส่งมอบประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
แสดงผล 596 ครั้ง