ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบินบาติกแอร์ มาเลเซีย (Batik Air) เส้นทางยะโฮร์บาห์รู - กรุงเทพฯ เปิดทำการบินทุกวัน ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบินบาติกแอร์ มาเลเซีย เส้นทางยะโฮร์บาห์รู - กรุงเทพฯ บินตรงจากท่าอากาศยานนานาชาติยะโฮร์บาห์รู เซไน ประเทศมาเลเซีย ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ประเทศไทย เวลา 13.50 น. โดย นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. นายสุมนัส สุมะโน ผู้แทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง นางสาว แพรวรำไพ แสงทอง ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ นายณัฎฐ์ธฤทธิ์ ภวังคบุณยานนท์ ผู้จัดการสถานีดอนเมือง ร่วมมอบพวงมาลัยผ้าขาวม้าที่ระลึก โดยเส้นทางบินดังกล่าวจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป จำนวน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สะท้อนอัตราการเติบโตที่ดีของ Demand และช่วยเพิ่มตัวเลือกการเดินทางของนักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้าไทย ตลอดจนเป็นแรงส่งช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ดันเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียแตะ 5 ล้านคน
นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า การเปิดเส้นทางบินตรง ยะโฮร์บาห์รู - กรุงเทพฯ ของสายการบินบาติก แอร์ ภายใต้เครือ Lion Group สะท้อนสัญญาณการเติบโตที่ดีของตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และจะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของ ททท. ที่ต้องการขยายตลาดนักท่องเที่ยวจากเมืองรองของมาเลเซียสู่ประเทศไทย ซึ่งการขยายเส้นทางบินของบาติกแอร์ด้วยการเปิดให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จะช่วยเพิ่มทางเลือกและความสะดวกสบายในการเดินทาง เติมเต็มดีมานด์นักท่องเที่ยวมาเลเซียสำหรับการเดินทางทางอากาศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการเดินทางผ่านด่านชายแดนทางบกที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านจังหวัด สงขลา ยะลา(เบตง) และสตูล สอดคล้องกับนโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของรัฐบาล ที่มุ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย (Ease of Traveling) ผลักดันประเทศไทยสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Hub of ASEAN)
เส้นทางบินดังกล่าว จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยความถี่ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ออกเดินทางจากยะโฮร์บาห์รู เวลา 12.15 น. ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง เวลา 13.50 น. พร้อมด้วยความจุโดยสาร (Seat Capacity) 180 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน และจะช่วยเพิ่มจำนวน Seat Capacity ของเส้นทางการบินระหว่างไทย-มาเลเซีย ปี 2568 เพิ่มขึ้นประมาณ 65,520 ที่นั่งด้วย
จากสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 24 พฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 4,443,173 คน โดยขึ้นแท่นอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเป็นกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ร้อยละ 80 และกลุ่มเดินทางซ้ำ (Revisit) ร้อยละ 69 นิยมเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยตลอดทั้งปี เฉลี่ยเดือนละประมาณ 380,000 คน โดยประเทศไทยเป็น Weekend Destination ของนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกทั้งทางบก น้ำ และอากาศ และมีจังหวัดสงขลา กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ ชลบุรี เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยม
ตลาดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ยังคงเป็นตลาดแห่งความหวังที่มีแนวโน้มสดใสจากอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เดินทางเข้าไทยสะสมจนถึงปัจจุบันของปี 2567 สูงกว่า ปี 2562 ตลอดทั้งปี (4,274,458 คน) ยิ่งสะท้อนสัญญาณบวกในทุกมิติ ทำให้ ททท. เล็งเห็นโอกาสในการเร่งกระตุ้น Demand ให้เติบโตมากขึ้น ด้วยปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ ทั้งความสะดวกในการเดินทาง จากการขยายเส้นทางการบินและการกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินของสายการบินเต็มรูปแบบใกล้เคียงกับเมื่อปี 2562 การยกเว้นการกรอกแบบฟอร์มตรวจคนเข้าเมือง ต.ม. 6 ของด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบก โดยเฉพาะด่านสะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นด่านทางบกหลักที่มีอัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียสูง ประกอบกับการส่งเสริมตลาดของ ททท. ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในอุตสาหกรรมฯ เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ขยายโอกาสทางการตลาดให้การท่องเที่ยวไทยให้ครองใจนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อาทิ การจัด Joint Promotion ร่วมกับกลุ่มนักท่องเที่ยวความสนใจพิเศษ อาทิ คาราวานผู้ชื่นชอบเดินทางขับขี่รถท่องเที่ยว Haley Davidson, eXpde, Evo Enduro กิจกรรม Media Fam Trip โดยเชิญ KOLs Influencers ที่มีชื่อเสียงของมาเลเซีย เข้ามาทดสอบสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ผลิตเนื้อหาประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และเกิดการเดินทางตามรอย รวมถึงการจัดงาน HATYAI COUNTDOWN 2025 จังหวัดสงขลา ทำให้ ททท. มั่นใจว่า ตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซียจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ 5,088,000 คน และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวรวม 153,140 ล้านบาท ตามที่ตั้งไว้ในปี 2567
แสดงผล 86 ครั้ง